มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฟุตบอลชุดปัจจุบัน แถลงทั้งน้ำตา หลังโดน สมาคมฟุตบอลชุดเก่า อย่างพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ทิ้งภาระก้อนโตให้ พร้อมจะทำฟ้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด เป็นเงิน 360 ล้านบาท
นายกสมาคมฟุตบอลไทยฯ กล่าวว่า “แป้งได้ตัดสินใจแล้วว่า ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะดำเนินการฟ้องไล่เบี้ยจากอดีตนายกสมาคมฯ เนื่องจากหนี้สินดังกล่าวเกิดจากการบริหารงานในยุคก่อน ที่ได้ยกเลิกสัญญากับสยามสปอร์ตโดยไม่เป็นธรรม ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อวงการฟุตบอลไทย และทำให้ยุคของแป้งต้องรับภาระหนี้ก้อนนี้ ซึ่งเป็นหนี้สินของสมาคมฯ ที่ต้องชำระ”
“แป้งเคารพคำพิพากษาของศาลฎีกา แต่การบอกเลิกสัญญากับสยามสปอร์ตไม่ถูกต้อง ทำให้สมาคมฯ ในยุคของแป้งต้องชดใช้ค่าเสียหายในคดีนี้ ดังนั้นแป้งจึงตัดสินใจนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมสภากรรมการเฉพาะกิจโดยด่วน เพื่อดำเนินการฟ้องไล่เบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 ต่ออดีตนายกสมาคมฯ และสภากรรมการยุคก่อน ตอนที่แป้งเข้ามา สมาคมฯ ไม่มีอะไรเลย มีเพียงหนี้สิน แป้งขอแค่ความเห็นใจ และกำลังใจจากแฟนบอล รวมถึงสื่อมวลชน ปัญหาเหล่านี้ต้องถูกแก้ไข แต่แป้งไม่ได้เป็นผู้ก่อมันขึ้นมา แป้งเป็นผู้หญิง มีจิตใจ และรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่ถูกกล่าวหาในทางลบ”
ทั้งนี้ มาดามแป้งเผยแนวทางต่อไปว่า เตรียมเข้าเจรจากับทาง สยามสปอร์ต และ ทรูวิชั่นส์ ต่อไป “เราเคารพคำตัดสินของศาล และขณะเดียวกัน แป้งก็เคารพต่อคุณูปการของคุณระวิที่มีต่อวงการฟุตบอลไทย ทุกคนยอมรับว่าสยามกีฬามีบทบาทสำคัญต่อความรุ่งเรืองของฟุตบอลไทย ดังนั้นแป้งเชื่อว่าการพูดคุยกับคุณระวิจะช่วยหาทางออกได้ ขณะเดียวกัน เราต้องเจรจากับทรูวิชั่นส์ด้วย เพราะนี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันทั้งหมด”
ขณะเดียวกัน มาดามแป้งได้เปิดเผยถึงประเด็นการกู้ยืมเงินของอดีตนายกสมาคมฯ จากฟีฟ่า โดยกล่าวว่า “เมื่อแป้งเข้ารับตำแหน่ง ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน หนี้สิน และพันธะสัญญาของสมาคมฯ โดยมีท่านเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล เป็นประธานตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบว่า ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 สมาคมฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพียง 27,076,886.97 บาทเท่านั้น ไม่ใช่หลายพันล้านอย่างที่หลายคนเข้าใจ”
“ขณะเดียวกัน สมาคมฯ มีหนี้สินที่ต้องชำระแก่เจ้าหนี้อื่น ๆ จำนวน 132,476,476 บาท ซึ่งได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินแล้ว แต่แป้งไม่เคยออกมาพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน”
“สำหรับเงินกู้จากฟีฟ่า ปกติฟีฟ่าจะให้เงินสนับสนุนประเทศสมาชิกปีละ 1,250,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 42 ล้านบาท แต่เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2563 อดีตนายกสมาคมฯ ได้กู้เงินระยะยาวจากฟีฟ่ามาใช้ในกิจการของสมาคมฯ เป็นจำนวน 5,000,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 155 ล้านบาท โดยต้องชำระคืนในระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2573 ซึ่งหมายความว่า เมื่อแป้งหมดวาระไปแล้ว คนที่เข้ามาใหม่ก็ยังต้องรับภาระหนี้สินนี้ต่อไป”
พร้อมกันนี้ มาดามแป้งยังกล่าวถึงเรื่องเงินเดือนของอดีตนายกสมาคมฯ ว่า “ในยุคก่อน อดีตนายกสมาคมฯ ได้รับเงินเดือนจากสมาคมฯ และบริษัท ไทยลีก รวมกันเดือนละ 1 ล้านบาท ไม่รวมโบนัส ส่งผลให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เข้าตรวจสอบความเหมาะสมของการบริหารงาน ต่อมา อดีตนายกฯ ได้ออกมาชี้แจงว่านำเงินเดือนทั้งหมด 32 ล้านบาทคืนให้สมาคมฯ แล้ว ขณะนี้แป้งได้สั่งให้ฝ่ายบัญชีและการเงินตรวจสอบหลักฐานว่ามีการคืนเงินจริงหรือไม่ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่พบหลักฐานการคืนเงินดังกล่าว”
ด้านนายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สภากรรมการสมาคมฯ ที่ดูแลเรื่องการฟ้องร้องคดีกับสยามสปอร์ต เปิดเผยว่า “มีการจ่ายเงิน 30 ล้านบาทให้ทนายเพื่อยื่นฎีกา ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ผิดปกติอย่างมาก เพราะในศาลชั้นต้น ค่าทนายความเสนอเพียง 750,000 บาท ส่วนค่าทนายในชั้นอุทธรณ์อยู่ที่ 300,000 บาท แต่เมื่อถึงชั้นฎีกา กลับมีการอนุมัติจ่ายค่าทนายสูงถึง 30 ล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้ว่าจะจ่ายเพียง 300,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ได้รับการอนุมัติก่อนสิ้นสุดวาระของอดีตนายกฯ”
“กรณีนี้มีความผิดปกติในการใช้เงิน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แอบแฝง หรืออาจเข้าข่ายการฉ้อโกงและฟอกเงิน ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยใช้เวลาตรวจสอบราว 1 เดือน และพบข้อพิรุธสำคัญ ซึ่งต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไปอย่างไร เนื่องจากศาลฎีกาไม่รับฎีกา ทำให้คดีสิ้นสุดลงแล้ว”